บริษัทเอกชนร้องดีเอสไอ ให้ดำเนินคดีการเคหะแห่งชาติ กล่าวหาทุจริตจากการร่วมทุนสร้างบ้านเอื้ออาทรที่สมุทรปราการมูลค่า 2 พันกว่าล้าน ทำบริษัทเสียหายไม่น้อยกว่า 2 พันล้าน
นายประสิทธิ์ เด่นนภาลัย กรรมการผู้จัดการบริษัทเพียงประกายก่อสร้าง พร้อมทนายความ นำเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้าร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ให้ดำเนินคดีกับการเคหะแห่งชาติ ซึ่งเป็นผลจากการร่วมทุนกันระหว่างการเคหะแห่งชาติกับบริษัทเพียงประกายก่อสร้างเพื่อสร้างบ้านเอื้ออาทรตั้งแต่ปี 2549
นายกัมพล สุคิริน ทนายความของนายประสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อปี 2549 บริษัทเพียงประกายก่อสร้างได้ร่วมกับการเคหะแห่งชาติ ได้ทำสัญญาร่วมทุนก่อสร้างบ้านเพื่ออาทร จังหวัดสมุทรปราการ หรือเทพารักษ์ 4 โดยในสัญญาระบุให้บริษัทเพียงประกายก่อสร้าง ต้องเป็นผู้จัดหาเงินทุนและที่ดิน 125 ไร่ในการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทร จำนวน 5,830 ล้านหน่วย มูลค่าโครงการรวม 2,448 ล้านบาท
นายกัมพลกล่าวหาการเคหะแห่งชาติว่า ในระหว่างดำเนินโครงการ คณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ แสวงหาผลประโยชน์หลายอย่างจากบริษัท ซึ่งบริษัทจำใจต้องยอมมิฉะนั้นจะถูกกลั่นแกล้งในการดำเนินโครงการ แต่ต่อมาคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติได้บีบให้บริษัทลดการก่อสร้างร้างบ้านเหลือเพียงแค่ 1 ใน 3 ของจำนวนบ้านทั้งหมด พร้อมทั้งนำบริษัทก่อสร้างอื่นอีกหนึ่งบริษัท มาก่อสร้างบ้านในส่วนที่เหลือ ทำให้บริษัทเพียงประกายก่อสร้างร้างได้รับความเสียหาย จึงฟ้องศาลแพ่งโดยมีการเคหะแห่งชาติและบริษัทที่การเคหะแห่งชาตินำเข้ามาเป็นจำเลย ซึ่งศาลแพ่งมีคำพิพากษาถึงที่สุดเมื่อปี 2552 ให้การเคหะแห่งชาติแพ้คดี และนับจากนั้นโครงการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรแห่งนี้ก็ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้
ทนายความของบริษัทเพียงประกายก่อสร้าง กล่าวด้วยว่า ตอนนี้โครงการยังคงร้างอยูา บริษัทได้ฟ้องร้องเรียกคืนที่ดิน 125 ไร่ แต่เมื่อช่วงกลางปี 2564 การเคหะแห่งชาติ ได้ส่งกลุ่มบุคคลเข้าบุกรุก เพื่อปรับปรุงบ้านในโครงการที่ก่อสร้างไว้ราว 50 เปอร์เซ็นต์ ทำให้บริษัทต้องแจ้งความกับตำรวจไว้แล้ว และวันนี้เดินทางมาร้องทุกข์ต่อดีเอสไอ เพื่อให้ตรวจสอบดำเนินคดีกับการเคหะแห่งชาติ ตอนนี้บริษัทเสียหายไม่น้อยกว่า 2 พันล้าน
ขณะที่ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษและรองโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชน ซึ่งเกิดความเสียหายทั้งต่อรัฐและเอกชน ดีเอสไอจะเร่งตรวจสอบข้อมูล