กรมวิทย์ แจงผลทดสอบระดับภูมิคุ้มกันของวัคซีนต่อเดลตา และโอไมครอน พบ วัคซีนทุกสูตรที่รับแค่ 2 เข็ม เอาไอไมครอนไม่อยู่ เนื่องจากมีฤทธิ์หลบภูมิคุ้ม จำเป็นต้องกระตุ้นเข็ม 3 ระดับภูมิคุ้มกันถึงจะกลับมาคุ้มโรคได้ ช่วยลดความรุนแรงของโรค และการเสียชีวิตได้มากขึ้น
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงผลการทดสอบระดับภูมิคุ้มกันร่างกายใน 8 สูตรวัคซีนที่ฉีดในไทย ว่าจากการนำเลือดของประชาชนที่ได้รับวัคซีนมาตรวจภูมิคุ้มกันกับเขื้อไวรัสโควิด
สายพันธุ์เดลต้าและโอไมครอน แบบตัวเป็นๆ มีการเพาะเขื้อในห้องปฎิบัติการ์ทางวิทยาศาสตร์ระดับ 3 ด้วยวิธี PRNT (เพาะเชื้อไวรัสใน เซลล์) พบว่า ในส่วนของสูตรวัคซีน 2 เข็มทั้งในสูตร และแบบชนิดเดียวกัน ในทุกสูตรพบว่า ระดับภูมิคุ้มกันป้องกันเดลตาได้ดี แต่ระดับภูมิคุ้มกันในโอไมครอนกลับตอบสนองไม่ดีเท่า พบว่สระดับภูมิคุ้มกันหายไปเกือบครึ่ง บางสูตรลดลง 17 เท่า แสดงว่า ไอโมครอนหลบวัคซีนได้ดีดังนั้นจำเป็นต้องรับวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือเข็ม 3 เพื่อให้ระดับภูมิคุ้มกันสูงขี้น ทั้งในสูตร ซิโนแวค + แอสตร้า หรือ แอสตร้า +แอสตร้า หรือไฟเซอร์ + ไฟเซอร์ หรือ ซิโนแวค + ไฟเซอร์ หรือแอสต้า + ไฟเซอร์
นพ.ศุภกิจ ยังกล่าวว่า ส่วนการทดสอบระดับภูมิคุ้มกันในสูตรวัคซีนที่รับครบ 3 เข็ม ได้แก่ 1 ซิโนแวค+ซิโนแวค+แอสตร้า พบว่าในส่วนของภูมิฯตอบสนองต่อเดลตา 388.1 แต่หากเป็นโอไมครอน ภูมิตอบสนอง 71. 74 ,2 โนแวค+ซิโนแวค+ไฟเซอร์ ตอบสนองเดลตา 729.3 แต่หากเป็นไอไมครอน ตอบสนอง 282.5 และ 3 แอสตร้า+แอสตร้า+ไฟเซอร์ ตอบสนองต่อเดลตา 691.1 แต่หากเป็นโอไมครอน ตอบสนอง 222.9 ทั้งนี้ขอย้ำว่า การรับวัคซีนเข็ม 3 สามารถป้องกันเชื้อไวรัสได้ และช่วยลดความรุนแรงของโรคและการเสียชีวิตได้มากขึ้น ทั้งนี้กรมวิทย์ฯ เตรียมประสานขอข้อมูลกับกรมการแพทย์ ในส่วนคนป่วยที่หายแล้ว เพื่อติดตามอาการและเพื่อดูความรุนแรงของโรค ส่วนที่กรณีการติดเชื้อโควิดของอังกฤษที่ระบุว่า มีสัญญาณว่า อาจจะเป็นการสิ้นสุด และเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น นั้น เรื่องนี้ต้องค่อยๆดูต่อไป ตอนนี้เพียงแต่สายพันธุ์ยังไม่รุนแรง แต่ต้องขอเวลาดูต่อไปอีกระยะ พร้อมระบุว่าความหวังเรื่องของการรับวัคซีนเพียงปีละ1 เข็มเพื่อป้องกันโควิด คงไม่สามารถเป็นไปได้ เนื่องจากผลการศึกษาเห็นแล้วว่า ระดับภูมิคุ้มกันอยู่ไม่นาน จึงเป็นต้องรับวัคซีนเข็มกระตุ้น