นายเกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะมีการปรับลดระดับเตือนภัยโควิด เนื่องจากเพิ่งมีการประกาศ เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา เป็นการเตือนภัยระดับ 4 การจะประกาศลดระดับเหลือ 3 ต้องใช้เวลาในการพิจารณาให้รอบด้าน อย่างน้อย 4 รอบการระบาด หรือ 28 วัน (1 รอบการระบาดเท่ากับ 7 วัน ) จึงต้องขอเวลาประเมินอย่างรอบด้าน ทั้งจำนวนผู้ป่วย ผู้ป่วยหนัก และผู้เสียชีวิต โดยในส่วนของผู้ป่วยติดเชื้อโอไมครอนขณะนี้ไม่มีอาการ ถึง 95-96%. และสัดส่วนของของโอไมครอน ขณะนี้มีถึง 60 % คาดว่าตอนนี้มีผู้ป่วยติดเชื้อโอไมครอน รวมกว่า 10,000 คน แล้ว ขณะเดียวกันคนป่วยหนักก็พบว่ามีจำนวนหนึ่ง ซึ่งรายที่ป่วยหนักและน่าเป็นห่วง คือ ผู้ป่วยรายหนึ่งที่มีการป่วยติดเชื้อพิษสุราเรื้อรัง และมีวัณโรคลงปอด ต้นทุนสุขภาพของเดิมไม่ค่อยดีหนัก ทั้งนี้จำนวนผู้เสียชีวิตปัจจุบันอยู่ที่ 2 คน
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อในปัจจุบัน ถือว่า เบาใจได้ในระดับ 1 จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อ ทรงตัวมาประมาณ 10 วัน และไม่ได้รุนแรงมากไปกว่านี้ เพราะการรุนแรงติดเชื้อที่มากที่สุด คือ ช่วงเทศกาลปีใหม่ และ เกิดการติดเชื้ออย่างรวดเร็ว เมื่อมีการยกระดับทำให้การติดเชื้อลดลง แต่ก็มีแนวโน้มที่การติดเชื้อจะลดลง ทั้งนี้ได้มีการปรับนิยามปรับลดวันกักตัวเสี่ยงสูง ที่สัมผัสใกล้ชิดคนติดเชื้อ จากเดิมกักตัว 14 วัน เหลือกักตัว 7 วัน และ อีก 3 วันเฝ้าระวังตัวเอง แยกตัวจนกว่าจะมีการตรวจ ATK ซ้ำ โดยขั้นตอนการตรวจ ATK รวม 2 ครั้ง ได้แก่ ตรวจวันที่ 5-6 วันสัมผัสผู้ติดเชื้อ และ อีกครั้งในวันที่ 10 แต่หากมีอาการก็ให้ตรวจซ้ำทันที
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ขณะเดียวกันทางศบค. เตรียมปรับลดระดับสีจังหวัดในวันพรุ่งนี้ ขณะเดียวกันฟื้นระบบ Test & Go ให้กลับมาในเดือน ก.พ. โดยมาตรการที่เพิ่ม คือการ ระบุกำหนดให้นักท่องเที่ยวที่ประสงค์เข้าไทยทุกคนต้องซื้อประกันสุขภาพครอบคลุมกรณีการเจ็บป่วยแต่ไม่มีอาการ เพื่อให้ครอบคลุมการรักษา เพราะที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข ต้องมีการออกจ่ายกับนักท่องเที่ยวกลุ่มจำนวนหลายร้อยบาท ต่อไปไม่จ่ายอีกแล้ว หากมีการซื้อประกัน และถือเป็นกฎใคอยากเข้าไทย ต้องรับผิดชอบส่วนนี้ โดยครอบคลุมการตรวจเชื้อ รวม 3 ครั้ง เข้ามาถึงไทย ครั้งแรก และครั้งที่ 2 ในวันที่ 7 และ ครั้งที่ 3 มีการตรวจในวันที่เตรียมตัวเดินทางกลับประเทศตัวเอง