20 มกราคม 2565 : มีนบุรี 20 ม.ค.-ปลัดพาณิชย์นำคณะตรวจเช็คปริมาณหมูแช่เย็นแช่แข็งแถวมีนบุรี เพื่อดูปริมาณหมูเข้าและออกปกติหรือไม่ ชี้เบื้องต้นเป็นปกติ และต้องรายงานสตอกให้กระทรวงพาณิชย์ทราบทุกวันจันทร์ของสัปดาห์ เพียงสัปดาห์แรกมีหมูสตอก 8,352 ตัน มั่นใจงบ 1,480 ล้านบาทจะเร่งขยายพื้นที่ขายหมูให้ทั่วถึง ขณะที่ผู้จัดการห้องเย็นย้ำหมูแช่แข็งเข้ามาและออกไป แต่ยอมรับหมูราคาแพงเข้าห้องแข่แข็งน้อยลง
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นคณะวอร์รูมติดตามสถานการณ์ราคาสินค้า และชุดสายตรวจ ลงพื้นที่ตรวจสอบภาวะราคา และปริมาณสุกร ของห้องเย็น บริษัท พิชชามีท กรุ๊ป จำกัด เขตมีนบุรี เพื่อตรวจสอบซ้ำ หลังจากที่ผู้ประกอบการแต่ละราย ได้แจ้งสต๊อก มายังกรมการค้าภายใน ว่ามีการแจ้งตามจริงหรือไม่ สำหรับห้องเย็นพิชชามีท เป็นโรงงานขนาดกลาง สามารถเก็บสินค้าได้ประมาณ 50 ตัน และมีการบริหารจัดการตามคำสั่งซื้อ ทั้งแบบเข้า และออกต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้มีสต๊อกคงค้างอยู่เยอะเกินไป เพราะจะมีผลต่อคุณภาพ และน้ำหนักสินค้าจะลดลง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ กำลังเร่งตรวจสอบสตอก ดูทั้งปริมาณที่แจ้ง และความเคลื่อนไหวของสตอกทั้งเข้าและออก ว่ามีการค้าขายกันตามปกติหรือไม่ โดยเฉพาะขณะนี้ มีกระแสข่าวพบโรงงาน กักตันหมูจำนวนเป็นแสนตัว โดยในเบื้องต้น ผู้ประกอบการ ได้รายงานตัวเลขปริมาณหมู ซึ่งกำหนดให้แจ้งทุกสัปดาห์ รวมทั่วประเทศกว่า 8,352 ตัน ซึ่งได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการ บริหารจัดการหมูออกสู่ตลาดโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ หากพบความผิดปกติว่า ผู้ประกอบการรายใดมีหมูเข้ามาเพิ่มในสต๊อกตลอดเวลา แต่ไม่มีการระบายออกไปเลย อาจจะเข้าข่ายความผิดกักตุน และปฏิเสธการจำหน่าย ตามพรบ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มีโทษจำคุกสูงสุด ไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งฝากเตือนไปยังผู้ประกอบการ ว่า ภาครัฐ จะบังคับใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาด
สำหรับแนวทางช่วยเหลือผู้บริโภคในช่วงของแพงขณะนี้ หลังจากกระทรวงพาณิชย์ได้รับอนุมัติงบประมาณ 1,480 ล้านบาทมาจะเดินหน้าเร่งจัดกิจกรรมธงฟ้าเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคให้สามารถซื้อสินค้าอุปโภคและบริโภคในราคาถูกว่าท้องตลาดไม่เฉพาะเนื้อหมูที่จะนำไปจำหน่ายในราคาประมาณ 150 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งจะมีสินค้าอื่นๆเข้าไปจำหน่ายในโครงการธงฟ้าตามจุดต่างๆด้วยเพื่อลดค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชนในช่วงที่สินค้าต่างๆมีราคาสูงขึ้นได้