14 มกราคม 2565 : รัฐมนตรีพาณิชย์เตรียมชงที่ประชุม ครม.สัปดาห์ของบกลางจำนวน 1,400 ล้านบาทช่วยลดค่าของชีพของประชาชนในช่วงของแพง ย้ำจะเร่งพยายามทำให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้แบบสมดุลไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังตรวจราคาสินค้า ที่ห้างโลตัส รัตนาธิเบศร์ เพื่อเข้าไปดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ที่กระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่อยู่อย่างเต็มที่ แม้จะเป็นส่วนปลายทางของภาคการผลิตก็ตาม แต่ได้ให้นโยบายและการดำเนินการใดให้ถือหลักทุกฝ่ายสามารถอยู่ได้ ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการ ผู้บริโภค ให้เกิดความสมดุล ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดของทุกฝ่าย
ทั้งนี้ เพื่อลดผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนทั้งประเทศ โดยกระทรวงพาณิชย์จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 18 ม.ค.นี้ เพื่อของบกลางจำนวนประมาณ 1,400 ล้านบาท มาจัดทำโครงการพาณิชย์ลดราคา! ลดค่าของชีพประชาชนเพิ่มทางเลือก เพื่อสร้างความสมดุลด้านราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ ในตลาดและการบริโภคภาคครัวเรือนในสถานการณ์นี้ ซึ่งจะเป็นโครงการระยะ 90 วัน หรือ 3 เดือน
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ราคาหมูสูงขึ้นเพราะปริมาณหมูในระบบขาดหายไป การแก้ปัญหา คือ ต้องให้ปริมาณเพิ่มขึ้น ราคาปรับลดลงในระดับที่ผู้บริโภคสามารถรับได้ โดยต้องใช้ยาหลายขนาน ที่ดำเนินการไปแล้ว เช่น 1.เพิ่มปริมาณหมูในตลาด โดยห้ามส่งออกหมู จะช่วยเพิ่มปริมาณหมูได้ปีละประมาณ 1,000,000 ตัวโดยประมาณและต้องมียาขนาดอื่นเพิ่มด้วยเช่น 2.เร่งส่งเสริมการเลี้ยงหมูป้อนเข้าระบบ เป็นหน้าที่โดยตรงของกรมปศุสัตว์ ได้รับแจ้งจากกรมปศุสัตว์ว่า กำลังเร่งผลิตลูกหมูป้อนเข้าระบบสัปดาห์ละ 300,000 ตัวโดยประมาณ 3.เร่งส่งเสริมการเลี้ยงหมู โดยรัฐบาลจัดให้มีโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำผ่าน ธ.ก.ส.ให้ผู้เลี้ยงหมูรายย่อยสามารถกู้เงิน 4.ส่งเสริมการเลี้ยงหมูรายใหม่โดยเฉพาะรายย่อย มุ่งเน้นฟาร์มระบบมาตรฐานเพื่อป้องกันการติดโรค หากพบว่ามีการติดเชื้อปศุสัตว์จะต้องเร่งรัดดำเนินการแก้ปัญหา แต่ต้องเร่งจ่ายเงินชดเชย ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยดำเนินการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้มีการเช็คสตอกปริมาณหมูทั้งระบบ และเพิ่มจุดขายหมูเนื้อแดงราคาถูกกิโลกรัมละไม่เกิน 150 บาท 667 จุดทั่วทั้งประเทศ เพื่อชี้นำและแทรกแซงราคาในช่วงจำเป็นเพื่อแก้ปัญหาให้ผู้บริโภคส่วนหนึ่งและมีหลายฝ่ายออกมาช่วยรณรงค์ให้บริโภคโปรตีนทางเลือกอื่น เช่น ไก่-ไข่ กระทรวงพาณิชย์ต้องไปช่วยดู เพื่อไม่ให้หนีจากหมูราคาสูงมาเจอไก่ราคาแพง ถ้ามีการฝ่าฝืนจะเร่งดำเนินการตามกฏหมายโดยเฉพาะการค้ากำไรเกินควร ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นกลไกหลักนำทีมแก้ปัญหาเรื่องนี้ในแต่ละจังหวัด
ขณะที่ ราคาไข่ มีมติร่วมกันทั้งสมาคมผู้เลี้ยงไข่ทั่วทั้งประเทศ คนกลาง ห้างสรรพสินค้าต่างๆ รวมผู้ส่งออกตกลงกันตรึงราคาหน้าฟาร์มฟองละไม่เกิน 2.90 บาท จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ซึ่งจะมีผลให้การขายปลีกราคาปรับลดลงอยู่ที่ 3 บาทกว่าต่อฟอง ขึ้นอยู่กับขนาด และต้นทุนอื่นเช่น ค่าแผงบรรจุ ส่วนเรื่องไก่ มีการเจรจาเบื้องต้นและมีข้อสรุปแล้ว แม้ยังมีบางฝ่ายที่ยังติดขัด ตนได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเรียกประชุมอีกครั้ง ในวันที่ 17 ม.ค.นี้ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เตรียมการไว้ คือ 1. ด้านปริมาณได้ รับการยืนยันจากเกษตรกรและผู้ผลิตรายต่างๆว่าจนถึงขณะนี้ไก่มีปริมาณอย่างเพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค ชิ้นส่วนสำคัญ 3 ตัว คือ 1)ไก่สดทั้งตัว 2)น่องติดสะโพก และ 3)เนื้อหน้าอก ที่จะเป็นราคานำไปสู่ชิ้นส่วนอื่นๆ ให้กำหนดข้อตกลงร่วมกันว่าจะ ตรึงราคาแต่ละชิ้นส่วนที่ราคาเท่าไหร่ และ 2.แทรกแซงราคาชี้นำตลาดในราคาพิเศษ เพื่อป้องกันการดึงราคาสูงจนเกินไปเพื่อเป็นทางเลือก โดยจะจัดจุดจำหน่ายไก่ราคาถูก 3,050 จุดโดยต้องของบกลาง มาช่วยบริหารจัดการ และดูแลให้สามารถจำหน่ายได้ในราคาที่เหมาะสม
ส่วนจุดจำหน่ายไก่ราคาถูกที่เตรียมการไว้จะมีในส่วนของห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมันโดยเฉพาะปั๊มพีทีทั่วประเทศ 1,500 ปั๊ม ร้านสะดวกซื้อ ห้างท้องถิ่น รวมทั้งตลาดสด รถโมบายและลานสาธารณะชุมชนรวมทั่วประเทศ 3,050 จุด สำหรับสินค้าอื่นที่จำเป็นต่อการบริโภค เช่น เป็นอาหารกึ่งสำเร็จรูป อธิบดีกรมการค้าภายในยืนยันว่ายังไม่มีการอนุญาตให้สินค้ารายการใดขึ้นราคา ใครฉวยโอกาสขึ้นราคาต้องดำเนินคดีต่อไปตามมาตรา 29 จำคุกไม่เกิน 7 ปีปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ให้ดำเนินการโดยเคร่งครัด และตนสนับสนุนให้รัฐบาลเร่งโครงการคนละครึ่งมาดำเนินการเร็วขึ้น เพราะชาวบ้านตอนนี้ต้องยอมรับว่าเดือดร้อนมาก คนละครึ่งจะเข้ามาช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชน.