รมว.สาธารณสุข
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับมอบอุปกรณ์การตรวจวินิจฉัยเชื้อโควิด -19 และ อุปกรณ์การฉีดวัคซีนจากสหรัฐอเมริกา มูลค่า 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ รวม 49 ล้านบาท จากนายไมเคิล ฮีธ อุปฑูตรักษาการแทนเอกอัครราชฑูดสหรัฐอเมริกา พร้อม ระบุสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งหลักหมื่นคนเป็นวันที่ 3 ว่าโอไมครอนติดเชื้อง่าย แต่ความรุนแรงไม่เท่ากับสายพันธุ์เดิมในอดีต (เดลตา) การรับวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือบูสเตอร์โดส มีส่วนช่วยให้อัตราการติดเชื้อหรือป่วยหนักลดลง
ขณะเดียวกันตัวเลขผู้ป่วยหนักใส่ท่อช่วยหายใจรวมถึงปอดอักเสบและเสียชีวิตไม่ได้สูงมากนัก แต่ก็เข้าใจความวิตกกังวล ของประชาชน เมื่อเห็นตัวเลข แต่เราเคยผ่านเหตุการณ์พบผู้ป่วยจำนวนมากกว่านี้มาแล้ว จึงเตรียมปรับวิธีการรายงานตัวเลขใหม่เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น พร้อมยืนยัน ยังไม่มีแนวคิดผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เช่นเดียวกับการล็อดาวน์ทุกอย่างยังคงมาตรการเดิมไว้ โดยยังคงเหลือเรื่องของการงดเปิดผับบาร์ คาราโอเกะ
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้ถือว่าควบคุมโรค ได้แนวโน้มการระบาดที่เพิ่มสูงขึ้นก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามจำนวนผู้ติดเชื้อวันนี้ (7 ก.พ.) 10,470 คน เสียชีวิต 12 คน จะเห็นว่าอัตราตายอยู่ที่ 0.22% ต่ำกว่า 1 % ด้วยซ้ำ เทียบจากเดิมอยู่ที่ 2% ถือว่าลดกว่าเดิมมาก ทั้งนี้จากข้อมูลผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม 608 และเป็นคนที่ยังไม่รับวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือบูสเตอร์โดส (เข็ม 3) ดังนั้นต้องเร่งสนับสนุนและทำความเข้าใจให้ผู้ที่ถึงคิวการรับวัคซีนเข็มกระตุ้นมารับวัคซีนให้ครบตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งปัจจุบันผู้ที่รับวัคซีน เข็ม1และเข็ม2 อยู่ที่ 80%
ส่วนที่3 ก็ควรได้รับวัคซีนให้ครบ 80% ของคนที่รับเข็ม2เช่นกัน ซึ่งขณะนี้ตัวเลขผู้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือเข็มที่3 อยู่ที่ประมาณ 20% ซึ่งการรับวัคซีนในกลุ่มนี้จะเป็นไปตามรอบระยะเวลาของการมารับวัคซีนจึงไม่สามารถเร่งการฉีดวัคซีนได้ ส่วนอัตราการครองเตียง ในปัจจุบันก็น้อยกว่าอดีต ส่วนผู้ป่วยติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการถึง 85%
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า อำนาจการปรับ ผ่อนคลาย มาตรการต่างๆเป็นของศบค. เชื่อว่าในอนาคตโควิดก็จะคล้ายๆกับไข้หวัดใหญ่ซึ่งเป็นโรคตามฤดูกาลหรือประจำถิ่นโดยขณะนี้พบคนป่วยหนักไม่ถึง 1% คนนอนโรงพยาบาลอยู่ในระบบรวมโฮมไอโซเรชั่นมีแค่ 50,000 คนปอดอักเสบมีประมาณ 500 คนใส่ท่อช่วยหายใจประมาณ 100 คนซึ่งถือว่ายังอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้และเชื้อไม่ได้รุนแรงไปกว่าเดิม พร้อมเผย 3 สูตรวัคซีนเข็มกระตุ้น ทั้งแอสตร้า ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ไม่แตกต่างทั้งการป้องกันได้ 60-70% และป้องกันอัตราการตาย 96-98%