อนุทิน เผย 4 ก.พ.จ่อขึ้นทะเบียนวัคซีนซิโนแวคเด็ก 3-17 ปี และไฟเขียวฉีดได้ โดยเป็นการฉีดด้วยความสมัครใจ และช่วงอายุ ให้ผู้ปกครองกับแพทย์พิจารณาร่วมกัน สามารถเลือกสูตรวัคซีนได้ทั้งแบบ SA+SA ,Pz+Pz และ SA+Pz ไม่ว่าจะเป็นเด็กป่วยหรือเด็กธรรมดา
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าการอนุมัติวัคซีนซิโนแวคในเด็ก ว่า ทางอย.จะมีการพิจารณาศุกร์นี้ 4 ก.พ. หากผ่านแล้ว สามารถ โดยยืนยันวัคซีนในเด็กมีเพียงพอ สำหรับเด็กทุกคน ทั้งไฟเซอร์ 5-11 ปี และ ซิโนแวค 3-17 ปี ซึ่งการฉีดเป็นไปด้วยความสมัครใจ และแบ่งตามช่วงอายุ ซึ่งเด็กสามารถฉีดได้ทั้งวัคซีนชนิด m-RNA และ เชื้อตาย ขึ้นอยู่กับการตกลงของแพทย์ กับผู้ปกครองและเด็ก สำหรับวัคซีนซิโนแวค ในเด็กเป็นสูตรเดิม เชื่อว่าการขึ้นทะเบียนไม่น่าจะมีปัญหา และไม่ต้องมีการสั่งซื้อ เนื่องจากยังมีวัคซีนที่ทางการจีนบริจาค กว่า 2 ล้านโดสในคราวก่อน ส่วนกระแสวิจารณ์เรื่องการกลับมาฉีดซิโนแวคอีกครั้ง ขอให้ตั้งคำถามกลับไปว่า คนที่มาวิพากษ์วิจารณ์ใช่นักวิชาการหรือไม่ และ หากไม่เกี่ยวข้องก็ไม่ควรให้ความเห็น เพราะการฉีดวัคซีนของกระทรวงสาธารณสุข พิจารณาโดยผู้เชี่ยวชาญ และยืนยันว่า การฉีดวัคซีนซิโนแวคไม่ใช่เรื่องของการระบายสต๊อกวัคซีน
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับการฉีดวัคซีนในเด็กไม่ว่าจะเป็นเด็กป่วย หรือ เด็กปกติ สามารถรับวัคซีนได้ทุกชนิด ที่กระทรวงสาธารณสุข รับรอง และทุกสูตรที่ได้รับการอนุมัติ ทั้งสูตร เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 เป็น ไฟเซอร์ หรือ สูตร ซิโนแวค ทั้ง 2 เข็ม หรือ อาจจะเป็นสูตรไขว้ ซิโนแวค เข็ม 1 และ เข็ม 2 ไฟเซอร์ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ปกครอง และ ดุลยพินิจของแพทย์ร่วมกัน ทั้งนี้เพื่อเป็นทางเลือก ส่วนที่ต้องการฉีดวัคซีนในเด็กในเพื่อต้องการอุดช่องโหว่ ของอัตราการป่วยในเด็ก เพราะคืดกลุ่มที่ยังไม่ได้รับ แม้ว่าเด็กจะมีอาการไม่รุนแรง แต่ก็สามารถนำโรคมาติดผู้ใหญ่ได้ ทำให้เกิดการป่วยในครอบครัว โดยขณะนี้วัคซีนซิโนแวค นอกจากมีคงเหลือจากล็อตจีนบริจาค 2 ล้านโดส ยังเหลือรวมกับสต๊อกเดิมที่มีการใช้ในฉีดสูตรไขว้น่าจะมีวัคซีนเหลือรวม 4-6 ล้านโดส ไม่ต้องซื้อเพิ่ม เพราะวัคซีนยังไม่หมดอายุ
นพ.โอภาส กล่าวว่า ส่วนเรื่องของทางเลือกการรับวัคซีนในผู้ใหญ่ ที่สามารถเลือกได้ตั้งแต่สูตรวัคซีนเข็มกระตุ้น ว่าจะรับชนิดไหน และ ขนาดวัคซีนที่เข้าร่างกาย ฉีดเข้าในชั้นผิวหนัง 10 ไมโครกรัม และฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ตั้งแต่ ครึ่งโดส 15 ไมโครกรัม และ เต็มโดส 30 ไมโครกรัม ขอยืนยันว่าวัคซีนทุกอย่างที่กระทรวงสาธารณสุขอนุมัติมีความปลอดภัย แต่การตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันในร่างกายของคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน และไม่มีใครบอกได้ในระยะยาว ดังนั้นหากจะมีการพิจารณาฉีดวัคซีน ก็แนะนำตามหลักการให้รับวัคซีนแบบเต็มโดส