18 กุมภาพันธ์ 2565 : รัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมประชุมหารือแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวจากตลาดท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียมาไทย โดยตั้งเป้าปีแรก 2 แสนคน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ร่วมประชุมหารือแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวจากตลาดท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย ที่โรงเเรมโซฟิเทล กรุงเทพฯ สุขุมวิท เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน ในการจัดแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากประเทศซาอุดีอาระเบีย เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย หลังจากประเทศไทยกับซาอุดีอาระเบียกลับมาฟื้นฟูความสัมพันธ์ในรอบ 30 ปี
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า อยากให้ภาคเอกชนต่างๆทั้งสายการบินเตรียมความพร้อมเนื่องจากเที่ยวบินจากซาอุดีอาระเบีย จะบินมาไทยเที่ยวแรก วันที่ 1 พฤษภาคมนี้ และให้ภาคเอกชนทำกลยุทธ์ แพคเกจ หรือโปรโมชั่นให้เกิดความน่าสนใจ อย่างเช่นภาคเอกชนโรงแรม จะดึงดูดอย่างไรให้นักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบีย ที่ให้พำนักในไทยยาวขึ้น กลุ่มโรงพยาบาล เป็นอีกกลุ่มที่มีความสำคัญ เพราะข้าราชการซาอุดีอาระเบีย 1 ล้านคน มีความสนใจเรื่องสุขภาพ ที่จะมาตรวจที่เมืองไทย อย่างน้อยให้มาตรวจสุขภาพในไทยปี 10-20 เปอร์เซ็นต์ เราจะทำอย่างไรให้การจองคิวเร็วขึ้นกว่ายุโรป รวมถึงในภาคเอกชนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า สปา บริษัททัวร์ และอื่นๆ ก็อยากให้ช่วยกัน รีบดำเนินการให้เร็วที่สุดเพื่อไปนำเสนอ และขอให้ภาคเอกชนสรุปอุปสรรคปัญหา จะได้นำไปเป็นแนวทางแก้ไข เพื่อเสนอให้สอดคล้องและให้สะดวกที่สุดของนักท่องเที่ยวที่จะมาเยือนไทย โดยจะมีการเดินทาง
ลาดร่วมกันให้เกิดการท่องเที่ยวแบบ 2 ทาง (Two Way Tourism)
– รัฐบาลไทยหาช่องทางเพื่อสร้างโอกาสในการเจรจาและทำข้อตกลงกับรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ในการส่งข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐของซาอุดีอาระเบียเข้าโปรแกรมตรวจสุขภาพ (Health Check-up program) ในประเทศไทย
– ทบทวนวีซ่า ของ 2 ประเทศเพื่อให้เกิดการเดินทางระหว่างกันสะดวกขึ้น
– ขยายพื้นที่ให้กลุ่มแสวงบุญชาวไทยสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้หลังประกอบพิธีแสวงบุญ ทั้งพิธีอัจญ์ และอุมเราะห์ เนื่องจากปัจจุบันจำกัดอยู่เพียง เมกกะ กับ เจดดาห์
และขยายเวลาทำการพำนัก post trip ในซาอุดีอาระเบียให้แก่คนไทยที่ได้วีซ่า แสวงบุญทั้งพิธีฮัจญ์ และอุมเราะห์
ไปนำเสนอพร้อมกับกระทลาดร่วมกันให้เกิดการท่องเที่ยวแบบ 2 ทาง (Two Way Tourism)
– รัฐบาลไทยหาช่องทางเพื่อสร้างโอกาสในการเจรจาและทำข้อตกลงกับรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ในการส่งข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐของซาอุดีอาระเบียเข้าโปรแกรมตรวจสุขภาพ (Health Check-up program) ในประเทศไทย
– ทบทวนวีซ่า ของ 2 ประเทศเพื่อให้เกิดการเดินทางระหว่างกันสะดวกขึ้น
– ขยายพื้นที่ให้กลุ่มแสวงบุญชาวไทยสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้หลังประกอบพิธีแสวงบุญ ทั้งพิธีอัจญ์ และอุมเราะห์ เนื่องจากปัจจุบันจำกัดอยู่เพียง เมกกะ กับ เจดดาห์
และขยายเวลาทำการพำนัก post trip ในซาอุดีอาระเบียให้แก่คนไทยที่ได้วีซ่า แสวงบุญทั้งพิธีฮัจญ์ และอุมเราะห์รวงต่างประเทศในวันที่ 26 มีนาคมนี้ ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย